Category: เรียนภาษาอังกฤษ

เรียนภาษาอังกฤษ ออนไลน์

  • Grammar Vol.10

    ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ชุดที่ 10 เรียนภาษาอังกฤษต้องทำความรู้จักเรื่องไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ หรือที่เรียกว่า่ Grammar นั้นเอง อาจจะยากในช่วงเริ่มต้นแต่หากชำนานหรือผ่านไปแล้วมองกลับมาอีกครั้งจะเป็นเรื่องจิ๊บๆแน่นอนทุกคนที่ต้้งใจเรียนภาษาอังกฤษได้กล่าวไว้นั้นเอง

    ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ชุดที่ 10

    There seven days in a week. = หนึ่งสัปดาห์มีเจ็ดวัน
    There are four weeks in a month. = หนึ่งเดือนมีสี่สัปดาห์
    There are twelve months in a year. = หนึ่งปีมีสิบสองเดือน

    This is my family. = นี่คือครอบครัวของฉัน
    This is our house. = นี่คือบ้านของพวกเรา
    These are our guests. = นี่คือแขกของพวกเรา

    Who are you eating lunch with? = คุณทานอาหารเที่ยงกับใคร
    I’m eating lunch with my sister. = ฉันทานอาหารเที่ยงกับน้องสาวของฉัน

    Who are you eating dinner with. = คุณทานอาหารเย็นกับใคร
    I’m eating dinner with my husband. = ฉันทานอาหารเย็นกับสามีของฉัน

    They are playing a game with their children. = พวกเขากับลังเล่นเกมส์กับเด็กๆของพวกเขา
    The girl is eating with her friends. = เด็กผู้หญิงคนนั้นกำลังกินกับเพื่อนของเธอ
    The girl is reading with her grandfather. = เด็กผู้หญิงคนนั้นกำลังอ่านกับปู่ของเธอ
    The boy is swimming with his friends. = เด็กผู้ชายคนนั้นกำลังว่ายน้ำกับเพื่อนของเขา

    The woman is smelling the coffee. = ผู้หญิงคนนั้นกำลังดมกาแฟ
    The man is smelling the flower. = ผู้ชายคนนั้นกำลังดมดอกไม้
    The woman is tasting the rice. = ผู้หญิงคนนั้นกำลังชิมข้าว
    They are tasting the bread. = พวกเขากำลังชิมขนมปัง

    a house in the winter = บ้านหลังหนึ่งในฤดูหนาว
    a park in the spring = สวนสาธารณะในฤดูใบไม้ผลิ
    a tree in the fall = ต้นไม้ต้นหนึ่งในฤดูใบไม้ร่วง
    a city in the summer = เมืองในฤดูร้อน

    This is a tree in the winter. = นี่คือต้นไม้ในฤดูหนาว
    This is a tree in the spring. = นี่คือต้นไม้ในฤดูใบไม้ผลิ
    This is a tree in the summer. = นี่คือต้นไม้ในฤดูร้อน
    This is a tree in the fall. = นี่คือต้นไม้ในฤดูใบไม้ร่วง

    How old is your baby? = เด็กอายุเท่าไหร
    My baby is nine weeks old. = เด็กอายุได้ 9 สัปดาห์

    How old is your son? = ลูกชายของคุณอายุเท่าไหร่
    My son is eighteen months old. = ลูกชายของฉันอายุได้ 18 เดือน

    6 วิธีการออกเสียงเวลาพูดภาษาอังกฤษ, ประโยคคำศัพท์ภาษาอังกฤษง่ายๆ, สูตร เรียน ภาษา อังกฤษ, เรียน ภาษา อังกฤษ เบื้องต้น, ไวยากรณ์ ภาษา อังกฤษ
    6 วิธีการออกเสียงเวลาพูดภาษาอังกฤษ, ประโยคคำศัพท์ภาษาอังกฤษง่ายๆ, สูตร เรียน ภาษา อังกฤษ, เรียน ภาษา อังกฤษ เบื้องต้น, ไวยากรณ์ ภาษา อังกฤษ
  • Resume ภาษาอังกฤษ (English Resume)

    นี่คือตัวอย่างในการเขียน Resume ภาษาอังกฤษ (English Resume)นะครับ เป็นตัวอย่างที่นำไปใช้งานอย่างแพร่หลายและเป็นที่ยอมรับมากที่สุด มาดูกันครับว่าเราจะต้องเขียนอะไรบ้าง

    ก่อนอื่นต้องให้แน่ใจก่อนว่า Resume ภาษาอังกฤษ หรือคนส่วนมากบางทีก็เรียกประวัติส่วนตัวภาษาอังกฤษ ที่คุณกำลังเขียนนั้นสามารถสื่อความหมายให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย การที่เราจะเขียนประวัติของเราลงไป เราควรที่จะเรียบเรียงข้อความเสียก่อน ลองนึกดูนะครับว่าจะทำอย่างไรให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจในสิ่งที่เราเขียนลงไปได้อย่างรวดเร็ว เพราะฉนั้น Resume ที่เราเขียนต้องสื่อความหมายให้สามารถอ่านเข้าใจง่าย

    Resume ภาษาอังกฤษ

    หลายต่อหลายครั้งนะครับที่ผู้ที่พิจารณารับคนเข้าทำงานต้องเปิด Resume ของหลายๆคนแล้วผ่านมันไปอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะว่าภาษาอังกฤษที่เขียนไม่สื่อความหมายหรือสื่อไปในทางที่ไม่น่าสนใจ หรือใช้คำที่ง่ายจนเกินไป ทำให้จุดสนใจด้อยลง ลองฝึกการเขียนดูเยอะๆครับ หลายๆแบบแล้วคุณจะเข้าใจไปเองว่าจะต้องเขียนอย่างไร เพราะภาษาอังกฤษไม่ได้ยากอย่างที่คุณคิดครับ

    ส่วนประกอบของ Resume

    ส่วนแรก ถือว่ามีความสำคัญมากเลยทีเดียวครับ โดยเฉพาะในส่วนเงินเดือนที่ต้องการ หากคุณเป็นนักศึกษาที่จบใหม่แล้วหล่ะก็ ลองดูเรทที่ส่วนใหญ่เรียกกันนะครับ หากคุณพลาดในส่วนนี้ ส่วนอื่นอาจจะไม่ได้รับการพิจารณาเลยหล่ะครับ

    Photo (ในส่วนนี้ใส่รูปภาพครับ)
    Mr/Mrs/Miss (ส่วนนี้ใส่ชื่อและนาสกุลลงไป)  ...............................
    Expected Jobs: (ระบุตำแหน่งที่ต้องการสมัคร)  .............................
    Expected Salary: (เงินเดือนที่ต้องการ) ..........................................

    ส่วนที่สอง เป็นส่วนที่อธิบายรายละเอียดส่วนตัวของคุณ หรือเรียกว่าการแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษก็ได้ ไม่ต้องอธิบายมากให้ยืดยาวครับ สั้นๆได้ใจความพอ Resume ส่วนใหญ่ในจุดนี้ ควรกรอกให้ครบที่ช่องครับ

    Personnel Infomation (ส่วนนี้เป็นเรื่องของรายละเอียดส่วนตัวครับ)
    Address: (ระบุที่อยู่) ........................................................................
    Phone: (หมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้) ............................
    Age: (อายุของคุณ) ........................................................................
    Nationality: (เชื้อชาติ).....................................................................
    Religion: (ศาสนา) ..........................................................................
    Height: (น้ำหนัก) ............................................................................
    Weight: (ส่วนสูง) ............................................................................
    Marital Status: (สถานภาพการสมรสครับ) Single, Separated, Divorced, Widowed
    Military Service: (สถานภาพทางทหาร) Passed, Not Passed, Exempted (ยกเว้น)

    ส่วนที่สาม เป็นส่วนที่อธิบายความสามารถของคุณ การศึกษาที่คุณจบมา จุดนี้สามารถการันตีคุณได้นะครับ

    Education (ระดับการศึกษา) ..........................................................
    Vocational: Grad. in (สาขาวิชา) From (สถาบัน) GPA. (เกรดเฉลี่ย)
    High Vocational: (ระดับมัธยมศึกษา) .............................................
    Bachelor: (ระดับปริญญาตรี) ..........................................................
    Training Job(การฝึกอบรมต่างๆ ถ้ามี) : ..........................................
    Project(โครงการต่างๆที่เคยทำ ถ้ามี) : .........................................
    Thesis(ถ้ามี) : ................................................................................
    Activities (ถ้ามี) : ... กิจกรรมควรเลือกเขียนเฉพาะที่เป็นประโยชน์ต่อการสมัครงาน

    ส่วนที่สี่ หากบริษัทสนใจในเรื่องของประสบการณ์การทำงานของคุณ คุณเรียกเงินเดือนเท่าไหร่อาจไม่เกี่ยง หากบริษัทนั้นให้ความสำคัญกับจุดนี้มากที่สุดนะครับ

    Work Experience (ประวัติการทำงาน) .........................................
    2004 - Present: Work for (ชื่อบริษัท) as (ตำแหน่ง)
    Salary ................................. bath/month
    2000 - 200 4 : ............................................................................
    1998 - 2000 :  ............................................................................

    ส่วนที่ห้า ในเรื่องของใบรับรองความสามารถ การอบรมต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องของภาษาอังกฤษควรมีไว้นะครับ เป็นการการันตีการได้งานของคุณเอง และแนบส่วนนี้เข้าไปในจดหมายสมัครงานภาษาอังกฤษด้วยครับ

    Skill (ทักษะต่างๆ) ......................................................................
    Computer Skill : (ทักษะในด้านการใช้งานคอมพิวเตอร์) ............
    English : (ทักษะด้านภาษาอังกฤษ) Speaking ... Reading ... Writing ...(poor, fair, good, excellent)
    Other Language (ทักษะในภาษาอื่นๆ ถ้ามี) :  .............................
    Driving : (ใบอนุญาติขับขี่รถยนต์)Drive(yes/no) ... Driving License (yes/no) ... Own Vehicle (yes/no)
    Typing: Thai ............. w/m English ................ w/m
    Additional Infomation (อาจแก้ไขชื่อหัวข้อย่อยต่อไปนี้ให้สอดคล้องข้อมูลของท่าน)
    Seminar(ถ้ามี) : ...........................................................................
    Important Do***ent (ถ้ามี) : ...เช่น ใบรับรอง(testimonial), ใบประกาศ(certificate), ใบ กว.(engineering license) ....................................................................
    Creation(ถ้ามี) : ..........................................................................
    Other(ถ้ามี) : ...............................................................................

    จะเห็นได้ว่าในการเขียน Resume ภาษาอังกฤษ (English Resume) แต่ละครั้งในจะต้องใส่ใจในรายละเอียดของสิ่งที่เขียนให้มาก ทั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน สามารถสร้างความเข้าใจต่อนายจ้างได้อย่างรวดเร็ว เป็นผลให้คุณได้งานด้วยเช่นกัน โดยปกตินายจ้างจะดูจากใบสมัครงานภาษาอังกฤษที่เรากรอก และมาดู Resume ที่เราเขียนควบคู่กันนะครับ เพื่อเป็นการยืนยันว่าทั้ง 2 ฉบับมีเนื้อหาที่ตรงกันครับ

  • สำนวนภาษาอังกฤษ 1-100ประโยคใช้ได้จริง

    100สำนวนภาษาอังกฤษ

    จำได้ถ้านำไปใช้บ่อยๆเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ด้วยประโยคสั้นๆจำง่าย

    เริ่ม สำนวนแรกง่ายอย่างเช่น  bored to death  แปลว่า เบื่อจะตายอยู่แล้ว

    1-10 idioms

    1-10 idioms

    สำนวนภาษาอังกฤษ ชุดที่สอง  11-20 idioms

    Go Dutch แบ่งกันจ่ายคนละครึ่ง ประโยคนี้จำให้ดี

    สำนวนภาษาอังกฤษ ชุดที่สอง  21-30 idioms

    สำนวนภาษาอังกฤษ ชุดที่สอง  31-40 idioms

    it’s about time   ถึงเวลาที่จะ  ได้แล้ว

    สำนวนภาษาอังกฤษ ชุดที่สอง  41-50 idioms

    สำนวนภาษาอังกฤษ ชุดที่สอง  51-60 idioms

    สำนวนภาษาอังกฤษ ชุดที่สอง  51-60 idioms

    สำนวนภาษาอังกฤษ ชุดที่สอง  61-70 idioms

    สำนวนภาษาอังกฤษ ชุดที่สอง  71-80 idioms

    สำนวนภาษาอังกฤษ ชุดที่สอง  91-100 idioms

  • แบบฝึกหัดภาษาอังกฤษป.2 Do youwant….?

    จงเติมประโยคภาษาอังกฤษ คำนี้Do you want…………….?ให้สมบูรณ์ตามภาพ

    เช่นภาพ Apple  ต้องถามว่า Do you want an apple?

    แบบฝึกหัดภาษาอังกฤษป.2Do you want................?:

    แบบฝึกหัดภาษาอังกฤษป.2Do you want…………….?:

  • 6 วิธีการออกเสียงเวลาพูดภาษาอังกฤษ ให้ “ชัดเจน ถูกต้อง และ คล่องแคล่ว” โดยไม่ต้องไปเรียนต่างประเทศ

    6 วิธีการออกเสียงเวลาพูดภาษาอังกฤษ
    ให้ “ชัดเจน ถูกต้อง และ คล่องแคล่ว”
    โดยไม่ต้องไปเรียนต่างประเทศ

    (ยาวนิดนึง แต่มีประโยชน์มาก
    ดูเทคนิคที่ 4-6 ได้ในคลิปถัดไป)

    1. คำที่ลงท้ายด้วย -tion
    อย่าออกเสียงว่า ชั่น
    ให้ออกเสียงว่า เฉิ่น เช่น nation
    อย่าออกเสียงว่า เน-ชั่น
    ให้ออกเสียงว่า เน้-เฉิ่น

    2. คำที่ลงท้ายด้วย -ing
    อย่าออกเสียงว่า อิ้ง
    ให้ออกเสียงว่า อิ่ง เช่น going
    อย่าออกเสียงว่า โก-อิ้ง
    ให้ออกเสียงว่า โก๊-อิ่ง

    3. คำที่ลงท้ายด้วย -er/-or
    อย่าออกเสียงว่า เอ้อ
    ให้ออกเสียงว่า เอ่อ เช่น teacher และ color
    อย่าออกเสียงว่า ที้ช-เช่อร์, คัล-เล่อร์
    ให้ออกเสียงว่า ที้ช-เฉ่อรฺ, คั้ล-เหล่อรฺ

    4. คำที่ลงท้ายด้วย -ment
    อย่าออกเสียงว่า เม้นต์
    ให้ออกเสียงว่า เหม่นทฺ เช่น comment
    อย่าออกเสียงว่า คอม-เม้นต์
    ให้ออกเสียงว่า ค้อม-เหม่นทฺ

    5. คำที่ลงท้ายด้วย -ty -ly -ry
    อย่าออกเสียงว่า ตี้, ลี่, รี่
    ให้ออกเสียงว่า ถี่, หลี่, หรี่
    เช่น city lovely very
    อย่าออกเสียงว่า ซิ-ตี้ เลิ้ฟ-ลี่ เว-รี่
    ให้ออกเสียงว่า ซิ-ถี่, เลิ้ฟ-หลี่, เฟ้-หรี่

    6. คำว่า is/was ถ้าอยู่ในประโยค อย่าออกเสียงว่า อี้ส กับ ว้อส ให้ออกเสียงว่า อิ่ส และ เหวิ่ส

    ลองฝึกอ่านสี่ประโยคนี้ดูช้าๆนะครับ
    แล้วลองสังเกตว่าการออกเสียงของเราดีขึ้นบ้างมั้ย ?

    >>> Peter is a very good teacher teaching at a university in the city center. พี้-เถ่อรฺ อิ่ส อะ เฟ้-หรี่ กุด ที้ช-เฉ่อรฺ ที้ช-ฉิ่ง แอท อะ ยู-หนิ-เฟิ้รฺส-สิ-ถี่ อิน เดอะ ซิ-ถี่ เซ้น-เถ่อรฺ

    >>> Sally was a lovely manager working in an apartment near the train station. แซ้ล-หลี่ เหวิ่ส อะ เลิ้ฟ-หลี่ แม้-หนิจ-เจ่อรฺ เวิ้รฺค-ขิ่ง อิน แอน เออะ-พ้ารฺท-เหมิ่นทฺ เนียรฺ เดอะ เทรน สเต๊-เฉิ่น

    >>> Terry is a footballer loving to go to a party with his friends. เท้-หรี่ อิ่ส อะ ฟุท-บ่อล-เหล่อรฺ เลิ้ฟ-ฝิ่ง เถอะ โก ทู อะ พ้ารฺ-ถี่ วิth หิส เฟรนดฺสฺ

    >>> Richard was a doctor driving to work at a hospital. ริช-เฉิรฺด เหวิ่ส อะ ด๊อก-เถ่อรฺ ไดร๊ฟ-ฝิ่ง ทู เวิรฺคฺ แอท อะ ฮ้อส-ปิ-เถิ่ล

    => คำว่า เดอะ = ด.เด็กออกเสียงโดยเอาลิ้นมาอยู่ระหว่างฟันหน้า
    ==> th ออกเสียงคล้าย ซ.โซ่ โดยเอาลิ้นมาอยู่ระหว่างฟันหน้า

    6 วิธีการออกเสียงเวลาพูดภาษาอังกฤษ, ประโยคคำศัพท์ภาษาอังกฤษง่ายๆ, สูตร เรียน ภาษา อังกฤษ, เรียน ภาษา อังกฤษ เบื้องต้น, ไวยากรณ์ ภาษา อังกฤษ
    6 วิธีการออกเสียงเวลาพูดภาษาอังกฤษ, ประโยคคำศัพท์ภาษาอังกฤษง่ายๆ, สูตร เรียน ภาษา อังกฤษ, เรียน ภาษา อังกฤษ เบื้องต้น, ไวยากรณ์ ภาษา อังกฤษ