Tag: Tense 12

  • Tense ในภาษาอังกฤษ แบบสรุบเข้าใจง่ายๆ

    english4day มาสรุปรายละเอียดเรื่องTense ในภาษาอังกฤษ

    เรียนภาษาอังกฤษไม่ยาก แต่ต้องขยันทำความเข้าใจและมีความจำที่ดีจนกลายเป็นเคยชินเหมือนเป็นเจ้าของภาษา

    • Tense
    • โครงสร้าง tense ทั้ง 12
    • หลักการใช้tenseในสถานการณ์ต่างๆ

    Tense
    ความหมายของ Tense คือ รูปแบบของประโยคที่มีคำกริยา แสดงระบุเวลากำกับการกระทำในขณะที่พูดในการเรียนหลักภาษาแล้ว Tense คือ กาล (เวลา)

    โครงสร้าง tense ทั้ง 12

    Tense ใหญ่ๆแค่ 3 เท่านั้นเอง แต่แยกย่อยออกอีก 4 จึงรวมกันได้ 12 tense

    1. Present Tense (ปัจจุบันกาล) กล่าวถึงเรื่องราวในปัจจุบัน
    2. Past Tense (อดีตกาล) กล่าวถึงเรื่องราวในอดีต
    3. Future Tense (อนาคตกาล) กล่าวถึงเรื่องราวในอนาคต

    PRESENT TENSE
    บอกเล่าเรื่องราวในปัจจุบัน
    present simple tense
    Present Simple Tense
    โครงสร้าง: S. + V.1(s/es)

    หลักการใช้:

    บอกเล่าข้อเท็จจริงทั่วไป ของคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ …
    ตัวอย่างประโยค:

    I eat rice every day. ฉันกินข้าวทุกวัน
    A dog has four legs. สุนัขมีสี่ขา
    Bangkok is the capital city of Thailand.  กรุงเทพเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย
    My class starts at 9.00 ชั่วโมงเรียนของฉันเริ่มเวลา 9 นาฬิกา
    present continuous tense
    Present Continuous Tense
    Tense นี้อีกชื่อหนึ่งคือ Present Progressive Tense

    โครงสร้าง: S. + is, am, are + Ving

    หลักการใช้:

    บอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้
    บอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดในอนาคตแน่ๆ
    ตัวอย่างประโยค:

    I am eating rice now. ฉันกำลังกินข้าวอยู่ตอนนี้
    A dog is walking. สุนัขกำลังเดิน
    I’m going to London next week. ฉันกำลังจะไปลอนดอนสัปดาห์หน้า
    We are visiting our granddad tomorrow. พวกเรากำลังจะไปเยี่ยมปู่พรุ่งนี้
    present perfect tense
    Present Perfect Tense
    โครงสร้าง: S. + has, have + V3

    หลักการใช้:

    บอกเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนินเสร็จแล้ว
    บอกเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนินมาได้ในระยะเวลาหนึ่งจนถึงปัจจุบัน
    ตัวอย่างประโยค:

    I have eaten rice. ผมกินข้าวแล้ว (กินเสร็จแล้ว)
    She has finished her homework. หล่อนทำการบ้านเสร็จแล้ว
    I have eaten rice for 20 minutes. ผมกินข้าวมาแล้ว 20 นาที
    He has lived here since 2000. เขาอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปี 2000
    present-perfect-continuous–tense
    Present Perfect Continuous Tense
    โครงสร้าง: S. + has, have +been+ Ving

    หลักการใช้:

    บอกเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนินมาได้ในระยะเวลาหนึ่งจนถึงปัจจุบันคล้าย present perfect tense แต่เป็นการเน้นย้ำว่าทำอย่างต่อเนื่อง
    ตัวอย่างประโยค:

    I have been playing football since 8 o’clock. ฉันเล่นฟุตบอล (อย่างต่อเนื่อง) ตั้งแต่ 8 โมง
    She has been walking for 30 minutes. หล่อนเดิน (อย่างต่อเนื่อง) เป็นเวลา 30 นาที
    Toon has been running for 4 hours. ตูนวิ่ง (อย่างต่อเนื่อง) เป็นเวลา 4 ชั่วโมง)
    He has been working here since 1999. เขาทำงานที่นี่ (อย่างต่อเนื่อง)ตั้งแต่ปี 1999 (ไม่เคยย้ายไปไหน)
    PAST TENSE
    บอกเล่าเรื่องราวในอดีต
    Past Simple Tense
    Past Simple Tense
    โครงสร้าง: S. + V2

    หลักการใช้:

    บอกเล่าเหตุการณ์ในอดีต ที่เกิดขึ้น ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง
    ตัวอย่างประโยค:

    I went to school yesterday. ฉันไปโรงเรียนเมื่อวานนี้
    I ate bananas last week. ฉันกินกล้วยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    My dad washed his car last Sunday. พ่อของผมล้างรถของเขาเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว
    She watched this movie last year. หล่อนดูหนังเรื่องนี้ปีที่แล้ว
    Sam visited his parents five years ago. แซมไปเยี่ยมพ่อแม่ของเขาเมื่อห้าปีที่แล้ว
    Past Continuous Tense
    Past Continuous Tense
    โครงสร้าง: S. + was, were + Ving

    หลักการใช้:

    บอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต แล้วมีอีกเหตุการณ์หนึ่งแทรกขึ้นมา
    ตัวอย่างประโยค:

    I saw a big elephant while I was walking to school. ฉันเห็นช้างตัวหนึ่งขณะที่ฉันกำลังเดินไปโรงเรียน
    We were eating dinner when dad came home. พวกเรากำลังกินข้าวเย็นอยู่ ตอนที่พ่อมาถึงบ้าน
    The light went out when they were watching TV. ไฟดับตอนที่พวกเขากำลังดูทีวีอยู่
    She was taking a bath when I called her. หล่อนกำลังอาบน้ำอยู่ ตอนที่ผมโทรหาหล่อน
    Sam was driving home when it started to rain. แซมกำลังขับรถกลับบ้าน ตอนที่ฝนเริ่มตก
    Past Perfect Tense
    Past Perfect Tense
    โครงสร้าง: S. + had + V3

    หลักการใช้:

    บอกเล่าเหตุการณ์ที่สิ้นสุดแล้วในอดีต ก่อนจะมีอีกเหตุการณ์ตามมา
    ตัวอย่างประโยค:

    I had eaten a pizza before I went to bed.ฉันได้กินพิซซ่า ก่อนที่ฉันเข้านอน (กินก่อน )
    John called me after I had left. จอห์นโทรหาฉัน หลังจากที่ฉันได้ออกจากบ้านแล้ว
    All people had gone home when we reached the cinema. คนได้กลับบ้านหมดแล้ว เมือเราไปถึงโรงหนัง
    They had had dinner before they did homework. พวกเขาได้เขากินข้าว ก่อนพวกเขาทำการบ้าน
    The train had left when we got to the station. รถไฟออกไปแล้ว ตอนที่เราไปถึงสถานี
    Past Perfect Continuous Tense
    Past Perfect Tense
    โครงสร้าง: S. + had + been + ฺฺ Ving

    หลักการใช้:

    บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง เน้นการบอกเวลามากกว่าการกระทำ
    ตัวอย่างประโยค:

    I had been waiting for the train for three hours before it arrived. ฉันได้รอคอยรถไฟเป็นเวลา(ตั้ง) 3 ชั่วโมง (นะ) ก่อนที่มันจะมาถึง
    We had been walking for one hour when we saw that bird.
    พวกเราได้เดิน (ตั้ง) 1 ชั่วโมง (แน่ะ) ตอนที่พวกเราเห็นนกตัวนั้น
    They had been playing football for four hours when it started to rain.
    พวกเขาได้เล่นฟุตบอล (ตั้ง) 4 ชั่วโมง ก่อนที่ฝนเริ่มตก (วันนี้เล่นได้นาน ปกติไม่เกินชั่วโมงก็ตกแล้ว)
    FUTURE TENSE
    บอกเล่าเรื่องราวในอนาคต
    Future simple tense
    Future Simple Tense
    โครงสร้าง: S. + will + ฺฺ V1

    หลักการใช้:

    บอกเล่า คาดการณ์เหตุการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
    ตัวอย่างประโยค:

    I will go to school tomorrow. ฉันจะไปโรงเรียนพรุ่งนี้ (คิดว่าต้องไป เดี๋ยวหมดสิทธิ์สอบ)
    I will watch Chin Jang this evening. ฉันจะดูชินจังเย็นนี้ (เพื่อนบอกว่าสนุก จะลองดูหน่อย)
    You will eat papaya salad tonight. คุณจะกินส้มตำคืนนี้ (คุณเคยบอกไว้ ว่าจะกินคืนนี้)
    He will clean the car next week. เขาจะล้างรถสัปดาห์หน้า (เขาบอกมา ว่าจะล้าง)
    She will buy a bike next month. หล่อนจะซื้อจักรยานเดือนหน้า (หล่อนว่าเดินไปเรียนแล้วเหนี่อย)
    future continuous tense
    Future Continuous Tense
    โครงสร้าง: S. + will + ฺฺ be + Ving

    หลักการใช้:

    บอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในอนาคต
    ตัวอย่างประโยค:

    I will be reading books at 8 o’clock tomorrow. ฉันจะกำลังอ่านหนังสือเวลา 8 นาฬิกา วันพรุ่งนี้
    At nine o’clock tomorrow, we will be working on the farm.พรุ่งนี้เวลา 9 นาฬิกา พวกเราจะกำลังทำงานในฟาร์ม
    At six o’clock, we will be eating dinner with our granddad. เวลา 6 นาฬิกา พวกเราจะกำลังกินข้าวกับปู่ของพวกเรา
    She will be waiting when you arrive. หล่อนจะกำลังรอคอย เมื่อคุณมาถึง
    Future Perfect Tense
    Future Perfect Tense
    โครงสร้าง: S. + will + ฺฺ have + V3

    หลักการใช้:

    บอกเล่าเหตุการณ์ที่สิ้นสุดแล้วในอนาคต
    ตัวอย่างประโยค:

    I will have eaten breakfast at 8 o’clock tomorrow. ฉันจะกินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้ว เวลา 8 นาฬิกา วันพรุ่งนี้
    Tomorrow morning, we will have finished our project. พรุ่งนี้เช้า พวกเราจะดำเนินโครงการของพวกเราเสร็จแล้ว
    She will have gone when you arrive. หล่อน(คง)จะไปแล้ว เมื่อคุณมาถึง
    I will have cleaned the floor when my mom gets home. ฉัน(คง)จะทำความสะอาดพื้นเรียบร้อยแล้ว ตอนที่แม่มาถึง

    Future Perfect Continuous Tense
    โครงสร้าง: S. + will + ฺฺ have + been + Ving

    หลักการใช้:

    บอกเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนิมมาได้ระยะเวลาหนึ่งในอนาคต ก่อนมีอีกเหตุการณ์หนึ่งแทรกเข้ามา
    ตัวอย่างประโยค

    I will have been eating breakfast for 30 minutes at 8 o’clock tomorrow.
    ฉันจะได้กำลังกินข้าวเช้าเป็นเวลา 30 นาทีแล้ว ณ เวลา 8 นาฬิกา วันพรุ่งนี้
    At 10 o’clock tomorrow, we will have been working on the farm for two hours.
    เวลา 10 นาฬิกาพรุ่งนี้ พวกเราจะได้กำลังทำงานในฟาร์ม เป็นเวลา 2 ชั่วโมงแล้ว
    You will have been waiting for two hours when the plane arrives.
    คุณจะได้กำลังรอ เป็นเวลาสองชั่วโมง เมื่อเครื่องบินมาถึง
    ถึงแม้ว่า Tense ทั้งหมดจะมี 12 Tense ก็จริง แต่สรุปว่าจริงๆใช้บ่อยก็มีดังต่อไปนี้

    Present Continuous
    Present Simple
    Present Perfect
    Past simple
    Future Simple