หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณมีแนวทางในการฝึกฝนการเขียนและการฟังภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพครับ ไวยากรณ์พื้นฐาน (Basic Grammar) ของภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการสื่อสารที่ชัดเจนและถูกต้อง การเข้าใจไวยากรณ์พื้นฐานจะช่วยให้คุณสามารถสร้างประโยคที่มีความหมายและสื่อความหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือองค์ประกอบหลักของไวยากรณ์พื้นฐานที่เพื่อนควรจะต้องทำความเข้าใจ ไปเริ่มกันเลย
Basic Grammar
1. ประเภทของคำ (Parts of Speech)
คำนาม (Nouns)
- คำนามทั่วไป (Common Nouns): ใช้เรียกสิ่งของทั่วไป เช่น dog, car, book
- คำนามเฉพาะ (Proper Nouns): ใช้เรียกชื่อเฉพาะ เช่น John, Thailand, Amazon
- คำนามนับได้ (Countable Nouns): สามารถนับจำนวนได้ เช่น apple, car
- คำนามนับไม่ได้ (Uncountable Nouns): ไม่สามารถนับจำนวนได้ เช่น water, information
คำกริยา (Verbs)
- กริยาแท้ (Main Verbs): ใช้แสดงการกระทำหรือสภาวะ เช่น run, speak, be
- กริยาช่วย (Auxiliary Verbs): ใช้ช่วยกริยาแท้เพื่อแสดงรูปแบบของกาล เช่น am, is, have, do
คำคุณศัพท์ (Adjectives)
- ใช้ขยายหรืออธิบายคำนาม เช่น big, blue, happy
คำวิเศษณ์ (Adverbs)
- ใช้ขยายหรืออธิบายคำกริยา, คำคุณศัพท์, หรือคำวิเศษณ์อื่น เช่น quickly, very, well
คำสรรพนาม (Pronouns)
- ใช้แทนคำนาม เช่น I, you, he, she, it
คำบุพบท (Prepositions)
- ใช้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างคำนามกับส่วนอื่นของประโยค เช่น in, on, at, under
คำเชื่อม (Conjunctions)
- ใช้เชื่อมคำ, วลี, หรือประโยค เช่น and, but, because
คำอุทาน (Interjections)
- ใช้แสดงอารมณ์หรือความรู้สึก เช่น wow, oh, ouch
2. โครงสร้างประโยค (Sentence Structure)
ประโยคบอกเล่า (Declarative Sentence)
- ใช้เพื่อบอกเล่าข้อมูลหรือความคิดเห็น เช่น She likes to read.
ประโยคคำถาม (Interrogative Sentence)
- ใช้เพื่อถามคำถาม เช่น Do you like coffee?
ประโยคคำสั่ง (Imperative Sentence)
- ใช้เพื่อสั่งหรือขอร้อง เช่น Please close the door.
ประโยคปฏิเสธ (Negative Sentence)
- ใช้เพื่อบอกปฏิเสธ เช่น I don’t like spiders.
3. การใช้คำกริยาและการผันคำกริยา (Verb Tenses and Conjugation)
ปัจจุบัน (Present)
- Present Simple: ใช้เพื่อบอกความจริงทั่วไปหรือกิจวัตรประจำวัน เช่น I go to school every day.
- Present Continuous: ใช้เพื่อบอกเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้ เช่น She is reading a book.
อดีต (Past)
- Past Simple: ใช้เพื่อบอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต เช่น He visited Paris last year.
- Past Continuous: ใช้เพื่อบอกเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต เช่น They were watching TV at 8 PM.
อนาคต (Future)
- Future Simple: ใช้เพื่อบอกเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น We will travel to Japan next month.
- Future Continuous: ใช้เพื่อบอกเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและดำเนินต่อไป เช่น I will be studying at 10 AM tomorrow.
4. คำสั่งและการขอร้อง (Imperatives and Requests)
- ใช้คำกริยาในรูปแบบคำสั่งเพื่อบอกให้ทำหรือไม่ทำสิ่งใด เช่น Close the window., Don’t touch that.
- ใช้โครงสร้างคำขอร้องเพื่อแสดงความสุภาพ เช่น Could you please help me?, Would you mind opening the door?
5. คำคุณศัพท์และการเปรียบเทียบ (Adjectives and Comparisons)
การใช้คำคุณศัพท์เพื่อเปรียบเทียบ (Comparative Adjectives)
- ใช้ในการเปรียบเทียบสิ่งต่าง ๆ เช่น This book is more interesting than that one.
การใช้คำคุณศัพท์เพื่อแสดงระดับสูงสุด (Superlative Adjectives)
- ใช้เพื่อแสดงระดับสูงสุดหรือสิ่งที่เด่นที่สุดในกลุ่ม เช่น She is the tallest student in the class.
6. คำบุพบทและการบอกตำแหน่ง (Prepositions and Positions)
- ใช้คำบุพบทเพื่อบอกตำแหน่งหรือความสัมพันธ์ เช่น The book is on the table., She lives in London.
7. คำเชื่อมและการสร้างประโยคซับซ้อน (Conjunctions and Complex Sentences)
การใช้คำเชื่อมเพื่อเชื่อมประโยค (Coordinating Conjunctions)
- ใช้คำเชื่อมเช่น and, but, or เพื่อเชื่อมคำหรือประโยคที่มีความหมายคล้ายกันหรือตรงข้ามกัน เช่น I like tea, and she likes coffee.
การใช้คำเชื่อมเพื่อสร้างประโยคซับซ้อน (Subordinating Conjunctions)
- ใช้คำเชื่อมเช่น because, although, if เพื่อสร้างประโยคที่มีการเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์หรือเงื่อนไข เช่น He stayed home because he was sick.
8. การใช้สรรพนาม (Using Pronouns)
การใช้สรรพนามแทนคำนาม (Personal Pronouns)
- ใช้สรรพนามเพื่อแทนคำนาม เช่น I, you, he, she, it, we, they
การใช้สรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive Pronouns)
- ใช้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ เช่น my, your, his, her, its, our, their
การใช้สรรพนามที่สัมพันธ์กัน (Relative Pronouns)
- ใช้เพื่อเชื่อมข้อมูลและเพิ่มรายละเอียดในประโยค เช่น who, whom, whose, which, that
9. การใช้คำวิเศษณ์ (Using Adverbs)
คำวิเศษณ์บอกเวลา (Adverbs of Time)
- บอกเวลาที่เกิดขึ้น เช่น now, then, later, yesterday, tomorrow
คำวิเศษณ์บอกสถานที่ (Adverbs of Place)
- บอกสถานที่ เช่น here, there, everywhere
คำวิเศษณ์บอกวิธีการ (Adverbs of Manner)
- บอกวิธีการหรืออธิบายว่าการกระทำเกิดขึ้นอย่างไร เช่น quickly, slowly, carefully
คำวิเศษณ์บอกความถี่ (Adverbs of Frequency)
- บอกความถี่ในการเกิดเหตุการณ์ เช่น always, never, sometimes, often
10. โครงสร้างคำถาม (Question Formation)
คำถามใช่หรือไม่ (Yes/No Questions)
- ใช้คำช่วย เช่น is, are, do, does เพื่อสร้างคำถาม เช่น Is she coming?, Do you like pizza?
คำถามที่ใช้คำถาม (Wh- Questions)
- ใช้คำเช่น what, where, when, why, who, how เพื่อถามคำถาม เช่น What are you doing?, Where is he going?
11. การใช้บทสนทนา (Dialogue Usage)
- ฝึกการใช้ไวยากรณ์ในบทสนทนาประจำวัน เช่น การทักทาย, การขอข้อมูล, การแสดงความคิดเห็น เพื่อให้คุณสามารถใช้ไวยากรณ์ได้ในสถานการณ์จริง
12. การใช้รูปประโยค (Sentence Patterns)
- รูปประโยคพื้นฐาน (Basic Sentence Patterns): เช่น ประโยคที่มีประธาน + กริยา + กรรม
- รูปประโยคซับซ้อน (Complex Sentence Patterns): เช่น ประโยคที่มีประธาน + กริยา + กรรม + วลีหรือประโยคย่อย
การทำความเข้าใจและฝึกฝนไวยากรณ์พื้นฐานเหล่านี้จะช่วยให้เพื่อนเก่งภาษาอังกฤษขึ้นหลาย% อย่างแน่นอน